วันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

ข้อมูลพื้นฐานทางด้านสังคมและวัฒนธรรม


ข้อมูลพื้นฐานทางด้านสังคมและวัฒนธรรม
              การศึกษาทำหน้าที่สำคัญคือ อนุรักษ์และถ่ายทอดวัฒนธรรมของสังคมไปสู่คนรุ่นหลังและปรับปรุงเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมของสังคมให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีต่างๆ โดยหน้าที่ดังกล่าวการศึกษาจะช่วยควบคุมการเปลี่ยนแปลงสังคมให้ไปในทิศทางที่พึงปรารถนา เพราะฉะนั้นหลักสูตรที่จะนำไปสอนอนุชนเหล่านั้นจึงต้องมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับสังคมอย่างแยกไม่ออก และโดยธรรมชาติของสังคมและวัฒนธรรมมักมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ดังนั้น การพัฒนาหลักสูตรจึงจำเป็นต้องคำนึงถึงข้อมูลทางสังคมและวัฒนธรรมที่เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ  จึงจะทำให้หลักสูตรมีความสอดคล้องกับสภาพสังคมปัจจุบัน สามารถแก้ปัญหาและตอบสนองความต้องการสังคมได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถในการวิเคราะห์ความต้องการใหม่ ผลการวิเคราะห์ออกมาอย่างไรหลักสูตรก็จะเปลี่ยนจุดหมายไปในแนวนั้น สามารถจำแนกข้อมูลให้ชัดเจนได้ดังนี้
              1.โครงสร้างของสังคม   โครงสร้างไทยแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ ลักษณะสังคมชนบทหรือสังคมเกษตรกรรม และสังคมเมืองหรือสังคมอุตสาหกรรม ในปัจจุบันความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาก สังคมอุตสาหกรรมมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นแต่ถึงอย่างไรก็ตามสังคมส่วนใหญ่ของประเทศก็ยังมีสภาพเป็นสังคมเกษตรกรรมอยู่ ดังนั้นการพัฒนาหลักสูตรจำเป็นจะต้องศึกษาโครงสร้างของสังคมที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และแนวโน้มโครงสร้างในอนาคตเพื่อที่จะได้ข้อมูลมาจัดหลักสูตรว่า จะจัดหลักสูตรอย่างไรเพื่อยกระดับการพัฒนาสังคมเกษตรกรรมและเตรียมพื้นฐานเพื่อการเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคมไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมตามความจำเป็น
              1.2   ค่านิยมในสังคม   ค่านิยม หมายถึง สิ่งที่คนในสังคมเดียวกันมองเห็นว่ามีคุณค่าเป็นที่ยอมรับหรือเป็นที่ปรารถนาของคนทั่วไปในสังคมนั้นๆ เนื่องจากการศึกษาเป็นตัวการที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสังคม ค่านิยมชนิดไหนที่จะได้รับการเปลี่ยนแปลงดำรงไว้หรือค่านิยมชนิดไหนควรสร้างขึ้นมาใหม่ เช่น ค่านิยมของสังคมไทยเกี่ยวกับความเฉื่อยชา การถือความสัมพันธ์ส่วนตัว การถือประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง
              1.ธรรมชาติของคนไทยในสังคม ธรรมชาติของคนไทยในแต่ละสังคมย่อมแตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพพื้นฐานทางวัฒนธรรมและค่านิยมนั้นๆ ทำให้คนไทยส่วนใหญ่มีลักษณะบุคลิกภาพดังต่อไปนี้
              1.  ยึดมั่นในตัวบุคคลมากกว่าหลักการและเหตุผล
              2. ยกย่องบุคคลที่มีความรู้หรือได้รับการศึกษาสูง
              3. เคารพและคล้อยตามผู้ได้รับวัยวุฒิสูง
              4. ยกย่องผู้มีเงินและผู้มีอำนาจ
              5. นิยมการเล่นพรรคเล่นพวก
              6. มีลักษณะเฉื่อยชาไม่กระตือรือร้น
              ในการพัฒนาหลักสูตร ควรคำนึกถึงลักษณะธรรมชาติ บุคลิกของคนในสังคม โดยพิจารณาว่าลักษณะใดควรไม่ควร เพราะหลักสูตรเป็นแนวทางในการสร้างลักษณะสังคมในอนาคต
              1.การชี้นำสังคมในอนาคต การศึกษาควรมีบทบาทในการชี้นำสังคมในอนาคตด้วยเพราะในอดีตที่ผ่านมาระบบการศึกษา เช่น การตั้งรับตามการเปลี่ยนต่างๆ เช่น กระแสการเจริญเติบโตของประเทศทางตะวันตก กระแสวิชาการตะวันตก ความต้องการและปัญหาสังคม จึงทำให้การศึกษาเป็นตัวตาม ฉะนั้นการจัดการเรียนรู้ต้องวางเป้าหมายให้ดี นักพัฒนาหลักสูตรจึงควรศึกษาข้อมูลต่างๆ ที่เป็นเครื่องชี้นำสังคมในอนาคต เช่น แผนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ การศึกษาไทยจะได้มีบทบาททางสังคมอย่างแท้จริง
              1.ลักษณะสังคมตามความคาดหวัง การเตรียมพัฒนาทรัพยากรให้มีคุณภาพมีคุณลักษณะหรือคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่งนั้นเป็นเรื่องไม่คงที่ เรื่องของประเทศจะส่งผลกระทบการศึกษามีมากมายเช่น การเมือง เศรษฐกิจ ความก้าวหน้าทางวิชาการทั้งนี้ในต่างประเทศจึงตั้งคุณลักษณะของสังคมเปลี่ยนแปลงไป เพื่อที่จะคาดการณ์ล่วงหน้าได้ในอนาคต 5-10 ปีข้างหน้าจะเป็นเช่นไร และคุณลักษณะของประชากรที่มีคุณภาพมีดังนี้
              1. มีสุขภาพกาย สุขภาพจิตที่ดี
              2. มีอาชีพเพื่อเลี้ยงตนเองและครอบครัว
              3. เป็นสมาชิกที่ดีของสังคม เป็นพลเมืองที่ดีของชาติ
              4. มีสติปัญญา
              5. มีนิสัยรักการทำงาน
              6. มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี
              หน้าที่ของนักพัฒนาหลักสูตรก็คือ จะต้องพิจารณาว่าจะจัดหลักสูตรอย่างไร รูปแบบใดจึงจะทำให้ประชากรมีคุณภาพดี
              1.ศาสนาและวัฒนธรรมในสังคม  ศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของคนในสังคมวัฒนธรรมเป็นสัญลักษณ์อันสำคัญที่จะแสดงให้ทราบว่าเขาเหล่านั้นเป็นคนในสังคมเดียวกันหรือเป็นคนชาติเดียวกัน  ดังนั้น ศาสนาและวัฒนธรรมจึงเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับการพัฒนาหลักสูตร ทั้งนี้เพราะจุดประสงค์สำคัญของหลักสูตรก็คือ การทะนุบำรุงรักษาและถ่ายทอดวัฒนธรรมที่ดีงามไว้ การพัฒนาหลักสูตรจึงต้องคำนึกถึงศาสนาและวัฒนธรรมความรู้หลักธรรมศาสนาต่างๆ นำมาบรรจุไว้ในหลักสูตรด้วยเหตุที่ว่าประเทศไทยเป็นประเทศประชาธิปไตยให้สิทธิเสรีภาพแก่ประชาชนในการนับถือศาสนา เพราะฉะนั้นสิ่งที่บรรจุไว้ควรจะเป็นหลักธรรมของศาสนาต่างๆ
              ข้อมูลพื้นฐานทางสังคมและวัฒนธรรมมีความสำคัญต่อการพัฒนาหลักสูตรเป็นอย่างมาก  เพราะเป็นหลักสูตรที่ต้องตอบสนองสังคมและพัฒนาไปพร้อมกัน  การศึกษาข้อมูลพื้นฐานทางสังคมและวัฒนธรรมอย่างรอบคอบจะทำให้เราสามารถนำไปพัฒนาหลักสูตรที่ดีตามลักษณะดังต่อไปนี้
              1. ตอบสนองความต้องการของสังคม
              2. สอดคล้องกับความเป็นจริงในสังคม
              3. เน้นในเรื่องรักชาติรักประชาชน
              4. แก้ปัญหาให้กับสังคมมิใช่สร้างปัญหากับสังคม
              5. ปรับปรุงสังคมให้ดีขึ้น
              6. สร้างความสำนึกในเรื่องของความเปลี่ยนแปลงทางสังคม
              7. ชี้นำในเรื่องการเปลี่ยนแปลงประเพณีและค่านิยม
              8. ต้องถ่ายทอดวัฒนธรรมและจริยธรรม
              9. ปลูกฝังในเรื่องความซื่อสัตย์และความยุติธรรม ในสังคม
              10. ให้ความสำคัญในเรื่องผลประโยชน์ในสังคม



การทำนาย
3.             การบรรยาย
4.             การแนะนำ



ทฤษฎีของเมเซีย
นักหลักสูตรสร้างทฤษฎีเป็นทฤษฎีหลักสูตรแบบธรรมดา แม้แต่ทฤษฎีที่เน้นคุณค่า และทฤษฎีการศึกษาวิธีการปฏิบัติทางหลักสูตร
    1. ทฤษฎีหลักสูตรแบบธรรมดา ทฤษฎีนี้เกี่ยวข้องกับคาดเดาเกี่ยวกับโครงสร้างของสาขาวิชาที่ประกอบด้วยหลักสูตร
    2. ทฤษฎีที่เน้นสถานการณ์ ทฤษฎีนี้คล้ายกันมากกับสิ่งที่เราได้รับการอภิปรายเป็นทฤษฎีทาวิทยาศาสตร์ หมายถึงการคาดเดาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พยายามที่จะคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นใสถานการณ์บางอย่าง

ทฤษฎีของจอห์นสัน
นิยามหลักสูตรของจอห์นสัน  เกี่ยวกับชุดเป้าหมายผลลัพธ์การเรียนรู้ พวกเขาควรตระหนักในประโยชน์ของความแตกต่างระหว่างหลักสูตรที่เกี่ยวกับแผนและหลักสูตรที่เกี่ยวกับวิธีการที่แผนดังกล่าวถูกสร้างขึ้น

ทฤษฎีของแมคโดนัลด์
                แมคโดนัลด์ นิยามหลักสูตรว่าเป็นระบบสังคมเป็นที่ผลิตแผนสำหรับการสอน ซึ่งเขาระบุว่าภายในระบบสังคมจะมีการเรียนการสอนและการเรียนรู้อย่างเป็นทางการเกิดขึ้นการสอนจะแตกต่างจากการเรียนการสอนและถูกกำหนดให้เป็นระบบบุคคลากรครู ทำงานในลักษณะเฉพาะเพื่ออำนวยความสะดวกการในเรียนรู้การเรียนรู้ที่ถูกกำหนดให้เป็นระบบบุคคลมากเกินไป นักเรียนจะกลายเป็นส่วนร่วมใน
พฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับงานเฉพาะ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น