วันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

พื้นฐานทางด้านจิตวิทยา


 พื้นฐานทางด้านจิตวิทยา
          ในการจัดทําหลักสูตรนั้นนักพัฒนาหลักสูตรต้องคํานึงอยู่เสมอว่าต้องพยายามจัดหลักสูตรให้สนองความต้องการและความสนใจของผู้เรียนอย่างแท้จริง ด้วยการศึกษาข้อมูล พื้นฐานเกี่ยวกบตัวผู้เรียนว่าผู้เรียนเป็นใคร มีความต้องการและความสนใจอะไร มีพฤติกรรมอย่างไร ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับจิตวิทยาทั้งสิ้น ดังนั้นข้อมูลพื้นฐานทางด้านจิตวิทยาจึงเป็นส่วนสําคัญที่นักพัฒนาหลักสูตรจะละเลยมิได้ในการนํามาวางรากฐานหลักสูตร เช่น การกําหนดจุดมุ่งหมายหลักสูตร การกําหนดเนื้อหาวิชา และการจัดการเรียนรู้
          เพื่อให้ได้หลักสูตรที่เหมาะสม ที่สุดนักพัฒนาหลักสูตรจะต้องมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องของจิตวิทยา โดยเฉพาะ จิตวิทยาพัฒนาการ(developmental psychology) และจิตวิทยาการเรียนรู้ (psychology of learning) ซึ่งจิตวิทยาทั้ง 2 สาขานี้จะเกี่ยวข้องกับการจัดทําหลักสูตรโดยตรง นอกจากนี้ นักพัฒนาหลักสูตรยังให้ความสําคัญกับจิตวิทยาทั่วไป (generalpsychology)ในส่วนที่เกี่ยวกับการส่งเสริมการเรียนรู้ของมนุษย์ด้วยเช่นกัน   จิตวิทยาพัฒนาการกับการพัฒนาหลักสูตรจิตวิทยาพัฒนาการจะบอกถึงพัฒนาการของมนุษย์ทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และเชาวน์ปัญญา ทําให้ทราบถึงความสามารถ ความสนใจ ความต้องการ เจตคติ และศักยภาพด้านต่าง ๆ ที่แตกต่างกันของผู้เรียนแต่ละคนองค์ประกอบของพัฒนาการของมนุษย์มี 2 ประการคือ
           1. วุฒิภาวะ (maturity) หมายถึง กระบวนของความเจริญเติบโตสูงสุดของอินทรีย์ในร่างกายที่ทําให้เกิดความพร้อมที่จะทํากิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งในขณะนั้นโดยไม่ต้องอาศัยการฝึกฝนหรือเรียนรู้ใด ๆ หรือเป็นไปโดธรรมชาติ
           2. การเรียนรู้ (learning) เป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอันเป็นผลมาจาก ประสบการณ์ การเรียนรู้อาจเกิดขึ้นด้วยการจูงใจ หรืออาจเกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจก็ได้พัฒนาการและการเจริญเติบโตของมนุษย์ แบ่งออกเป็น 2 ด้าน คือ
                     1. พัฒนาการทางด้านร่างกาย (physical development) เป็นการเปลี่ยนแปลงในด้านโครงสร้างทั้งขนาดรูปร่าง และการทํางานของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย
                     2. พัฒนาการทางด้านสติปิญญา (mental development) เป็นความเจริญงอกงามที่บ่งบอกถึงการเพิ่มพูนความ  สามารถในประกอบกิจกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ และรวบรวมความรู้ความเข้าใจไว้เป็นหมวดหมู่ เป็นพัฒนาการทางด้านความคิด ความจํา และความเข้าใจ
            การวางหลักสูตรต้องกําหนดเนื้อหาวิชาให้เป็นลําดับจากง่ายไปสู่เนื้อหาที่ซับซ้อนขึ้น สอดคล้องกับลําดับขั้พัฒนา   การด้านต่าง ๆ ของผู้เรียนและคํานึงถึงวุฒิภาวะและความพร้อมของผู้เรียน
          จิตวิทยาการเรียนรู้กับการพัฒนาหลักสูตร จิตวิทยาการเรียนรู้จะบอกถึงธรรมชาติของการเรียนรู้ การเกิดการเรียนรู้และปัจจัยทางจิตวิทยาที่ส่งเสริมการเรียนรู้ สามารถนําไปใช้ในการจัดการเรียนรู้ให้กับผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพแนวคิดของนักจิตวิทยาที่เกี่ยวกับทฤษฎีการเรียนรู้มี 3 กลุ่มใหญ่ ๆ ด้วยกัน ดังนี้

                1. ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มความรู้นิยมหรือปัญญานิยม (cognitivist theory)
                2. ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มมนุษยนิยม (humanist theory) หรือกลุ่มแรงจูงใจ (motivation theory)
                3. ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพฤติกรรมนิยม (behaviorist theory)


1. ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มความรู้นิยมหรือปัญญานิยม (cognitivist theory)
          นักจิตวิทยากลุ่มปัญญานิยมให้ความสนใจในการศึกษาปัจจัยภายในตัวบุคคลที่เรียกว่าโครงสร้างทางปัญญา (cognitive structure) ที่มีผลต่อความจํา การรับรู้และการแก้ปัญหาของบุคคล นักจิตวิทยากลุ่มนี้มีความเชื่อว่าการกระทําต่าง ๆ ของบุคคลนั้นเกิดขึ้นจากตัวบุคคลนั้นเองไม่ใช่ เกิดจากเงื่อนไข บุคคลเป็นผู้กระทํา สภาพแวดล้อมที่จะทําให้บุคคลเรียนรู้ได้ดีนั้นจะต้องเป็นสภาพแวดล้อมที่บุคคลรับรู้และมีความหมายต่อบุคคลเท่านั้น อีกทั้งสิ่งใดที่บุคคลได้เรียนรู้มาก่อนจะมีผลต่อการเรียนรู้ในปัจจุบัน ดังนั้น นักจิตวิทยากลุ่มนี้ให้ความสนใจต่อสิ่งที่บุคคลได้เรียนรู้มาแล้ว เพื่อจะได้จัดประสบการณ์ที่มีความหมายเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพตัวอย่างนักจิตวิทยากลุ่มนี้ เช่น เกสตอลส์ (Gestalt) วิลเลี่ยม เจม (William Jame) จอห์น ดิวอี้ (JohnDewey) เอดวาร์ด โทลแมน (Edword Tolman)พีอาเจต์ (Piaget) และบูรเนอร์ (Burner)
2. ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มมนุษยนิยม (humanist theory) หรือกลุ่มแรงจูงใจ (motivation theory)
          นักจิตวิทยากลุ่มนี้คํานึงถึงความเป็นคนของคน มองธรรมชาติของมนุษย์ในลักษณะว่ามนุษย์เกิดมาพร้อมกับความดี มนุษย์เป็นผู้ที่มีอิสระสามารถนําตนเองและพึ่งตนเองไดเป็นผู้ที่มีความคิดสร้างสรรค์ทําประโยชน์ให้สังคม มีอิสระที่จะเลือกทําสิ่งต่าง ๆ ยึดการเรียนรู้จากแรงจูงใจเป็นหลัก นักจิตวิทยากลุ่มนี้ไม่ยอมรับว่าการเรียนรู้เกิดจากการกําหนดเงื่อนไขและกลไกต่าง ๆ แต่เขาให้ความสนใจในลักษณะเฉพาะซึ่งเป็นลักษณะของปัจเจกบุคคลโดยเนนสิ่งที่เรียกว่าตัวตน (self)
          ตลอดจนความมีอิสรภาพการที่ บุคคลได้มีโอกาสเลือก การกําหนดด้วยตนเอง (self determinism) และการเจริญงอกงามส่วนตน (growth) ซึ่งลักษณะของการจัดการเรียนการสอนตามแนวคิดของนักจิตวิทยากลุ่มนี้จะเน้นที่เด็กเป็นศูนย์กลาง (child - centered) นักจิตวิทยากลุ่มนี้ที่เป็นที่รู้จักกันทั่วไป ซึ่งมีอิทธิพลในการจัดการเรียนรู้คือโรเจอร์(Rogers) และมาสโลว์ (Maslow)
3. ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพฤติกรรมนิยม (behaviorist theory)
          นักจิตวิทยากลุ่มนี้เน้นที่การศึกษาพฤติกรรมของบุคคลที่สามรรถสังเกตเห็นได้เป็นหลัก โดยมีความเชื่อว่าปัจจัยหลักที่มีผลต่อพฤติกรมของมนุษย์นั้นน่าจะมาจากสิ่งเร้าในสภาพแวดล้อม นั่นคือ ถ้าครูสามารถจัดสิ่งเร้าในสภาพแวดล้อมได้อย่างเหมาะสมแล้วก็จะสามารถทําให้เด็กเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นักจิตวิทยากลุ่มพฤติกรรมนิยมที่มีการกล่าวถึงเสมอคือ  วัตสัน (Watson) กาเย่ (Gagne) สกินเนอร์ (Skinner) พาฟลอฟ (Parlor) ธอนร์นไดค์(Thorndike)และกัททรี (Guthrie)
ข้อมูลทางด้านจิตวิทยาการเรียนรู้จะทําให้ได้แนวคิดในการจัดทําหลักสูตรที่เหมาะสมกับผู้เรียน เช่น
 - หลักสูตรจะต้องคํานึงถึงการฝึกหัด เพราะเป็นการเชื่อมโยงระหว่างสิ่งเร้าและการตอบสนอง
 - จัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นการแก้ปัญหา การค้นคว้า และวิธีการอื่นๆ ที่ส่งเสริมการหยั่งรู้
 - หลักสูตรควรมีความยืดหยุ่น โดยเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เลือกเรียนบางรายวิชา ตามความถนัดและความสนใจ
 - การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเน้นบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมให้มีสถานที่เป็นแรงจูงใจให้เกิดการเรียนรู้
          จิตวิทยาทั่วไปกับการพัฒนาหลักสูตร ความรู้เกี่ยวกับจิตวิทยาทั่วไปที่นักพัฒนาหลักสูตรจะต้องคํานึงถึงในการพัฒนาหลักสูตร ได้แก่
                1. ความพร้อม (readiness) เป็นสภาวะที่เกิดขึ้นในร่างกายและจิตใจที่สามารถพัฒนาขึ้นได้จากการจัดประสบการณ์และสิ่งแวดล้อม
                2. เจตคติ (attitude) หมายถึง ท่าทีที่บุคคลมีต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ซึ่งจะสังเกตได้จากการแสดงออก ท่าทาง คําพูด
                3. แรงจูงใจ (motive) และการจูงใจ (motivation) แรงจูงใจช่วยส่งเสริมให้ทํางาน จนสําเร็จ และนําพฤติกรรมของตนไปให้ตรงทิศทาง ส่วนการจูงใจกับวิธีการชักจูงให้บุคคลกระทําอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่ผู้ชักจูงต้องการ
                4. การถ่ายโยงการเรียนรู้ (transfer of learning) เป็นวิธีการอย่างหนึ่งที่นําไปสู่การเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ และนําผลการเรียนรู้ไปใช้ในชีวิตประจําวัน การถ่ายโยงการเรียนรู้เกิดจากความรู้ความเข้าใจในสิ่งที่เรียนมา เจตคติที่จะรับรู้ต่อไปประกอบกับทักษะของการฝึกฝนสิ่งที่กําลัง เรียนรู้อยู่จนเกิดความเข้าใจใหม่
                 5. การจํา การลืม การคิด (memory, forget, thinking) การจํา หมายถึง ความสามารถทางสมองที่จะเก็บหรือคงที่สิ่งที่ได้เรียนรู้ไว้นานในช่วงเวลาที่ควรจํา การลืม หมายถึง การไม่รักษาความจําไว้ได้ ซึ่งอาจเกิดได้ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว การคิด เป็นกระบวนการสร้างภาพให้ปรากฏขึ้นในสมอง ซึ่งบางครั้งอาจต่อเนื่องมาจากความจําข้อมูลทางด้านจิตวิทยาทั่วไป จะทําให้ได้แนวคิดในการจัดทําหลักสูตรที่เหมาะสม กับ ผู้เรียน เช่น การกําหนดเนื้อหาในวิชาทักษะต้องยึดหลักความพร้อม


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น